ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลากหลายธุรกิจมีความต้องการที่จะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือรวมไปถึงความทันสมัยของยุคสมัยใหม่ปัจจุบันที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความใส่ใจและพัฒนาเปลี่ยนแปลงในธุรกิจอยู่เสมออีกด้วย และการมีเว็บไซต์นั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้อย่างไรบ้าง มาดูกัน
การติดโฆษณา
คือการทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นมีโฆษณานั่นเอง ถ้าหากเว็บไซต์ของเรานั้นเป็นที่รู้จักมากขึ้นประมาณหนึ่ง การติดโฆษณาเพื่อให้ธุรกิจอื่นที่สนใจมาฝากโฆษณาก็สามารถทำได้ แต่เจ้าใหญ่ยักษ์ที่เราพบเจอกันอยู่ประจำนั่นคือ Google
การติดฆษณาบนเว็บไซต์จะมีการคิดค่อคลิกเป็นขั้นต่ำ เริ่มจาก 0.1 USD ถึง 1 USD รายได้ต่อคลิกคือ เมื่อมีผู้เข้ามาคลิกจึงจะได้ค่าโฆษณานั่นเอง แต่ที่สำคัญคือห้ามลืมว่า เราไม่สามารถที่จะคลิกโฆษณาของตัวเองได้ เพราะเขาสามารถตรวจสอบได้อีกทั้งอาจถูกแบนบัญชีได้อีกด้วย ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีรายได้จากการโฆษณาเป็นหลักนั่นคือ Kapook.com อาจจะเห็นว่ามีการวางรูปแบบของโฆษณาเยอะเต็มหน้าเว็บ นั่นเพราะว่ามีคนมากมายที่ต้องการทำโฆษณาด้วย การจัดรูปแบบโฆษณาต่างๆ จึงเป็นเช่นนั้น เป็นต้น
รวยแบบไม่ต้องมีสินค้า หรือ Affiliate
Affiliate คือ การช่วยขายสินค้าและได้ค่าตอบแทนคือค่าคอมมิชชั่น
ตัวอย่างบริษัทที่ทำ Affiliate
- Amazon เป็นอีกบริษัทที่ Affiliate ใหญ่มากในวงการค้าปลีก ซึ่งสามารถขายหรือแนะนำสินค้าต่างๆ ใดๆ ก็ได้ เพราะว่า Amazon นั้นได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นการตอบแทน
- Agoda บริษัทรับจองที่พัก ซึ่งเปิดเป็น Affiliate Partner ช่วยแนะนำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เลือกจองห้องพักที่ Agoda เป็นต้น
> Concept การทำ Affiliate บนเว็บไซต์
- แนะนำสินค้าด้วยลิงก์ รูปภาพแบนเนอร์ ที่อยู่บนเว็บไซต์
- รายได้ขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้า หากมีราคาสูงก็ได้รับค่าคอมมิชชั่นสูง
- จำนวนคลิก อาจเพิ่มความน่าสนใจด้วย Content ต่างๆ หรือประโยชน์อื่นๆ ที่น่าสนใจของสินค้า
- ยอดวิวเยอะจะส่งผลให้ยอดคลิกเยอะ
ยอดวิวดี ต้องประกาศ
เมื่อสินค้าดี หรือมีความฮอตฮิตการเพิ่มรีวิวจาก Blogger จะช่วยให้มีวคามน่าสนใจมากขึ้น เช่นกันเมื่อเว็บไซต์ของเรานั้นมีผู้เข้าชมมากขึ้น เราก็ยิ่งที่จะต้องนำเสนอสินค้าหรือการรีวิวให้ลูกค้าได้รับข่าวสารจาก Blogger เนื่องจากว่าในปัจจุบัน Blogger ที่มียอดผู้ติดตามเยอะบางคนนั้นให้ความน่าเชื่อถือมากกว่าโฆษณาบนโทรทัศน์ ซึ่งสินค้าที่จะนำมารีวิวนั้นสามารถเป็นสินค้าได้ทุกชนิด ตัวอย่างเช่น เครื่องสำอาง ที่พัก อาหาร ร้านกาแฟ งานบริการต่างๆ เป็นต้น
> Concept การรีวิว
- ผู้ที่ต้องการซื้อรีวิวอาจจะดูอันดับของเว็บไซต์เราจาก Google เมื่อลำดับดี โอกาสที่จะติดต่อมาทำโฆษณาก็มีมากเช่นกัน
- ยอดวิวสูง อันดับการค้นหาสูง ส่งผลให้มีค่าตอบแทนที่สูง เพราะอันดับดีหมายถึงมีคนเข้ามาดูและให้ความสนใจเยอะ
- เราสามารถกำหนดอัตราค่าตอบแทนได้ เรียกว่า Rate Card อัตราโฆษณา เช่นการรีวิขึ้นหน้าแรก ราคาก็จะต่างจากการรีวิวหน้าทั่วไป เป็นต้น
สร้างรายได้แบบยั่งยืนด้วยเว็บไซต์ E-Commerce
เพราะข้อที่กล่าวมาข้างต้นก็ยังเป็นในเรื่องของการอิงอาศัยกันบ้างจากเว็บไซต์อื่นๆ แต่การทำเว็บไซต์ E-Commerce คือการทำเว็บไซต์อย่างมั่นคงและยิ่งใหญ่ น่าเชื่อถือ
ตัวอย่างเช่น
- amazon.com ร้านค้าปลีกออนไลน์ ที่ขายของทั่วโลก
- alibaba.com เว็บไซต์ขายส่งอันดับหนึ่งของจีน
- azada.co.th เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ในไทยที่เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น
- se-ed.com ร้านหนังสือที่มีหน้าร้าน ผันตัวมาทำออนไลน์ด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มเติมขยายธุรกิจให้เข้ากับรูปแบบการ Shop ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
ข้อดีของการทำเว็บไซต์ E-Commerce
- ควบคุมได้ทุกอย่าง เช่น การค้นหาสินค้า โฆษณา
- ต้นทุนต่ำกว่าการเปิดร้าน
- ไม่ต้องใช้ทรัพยากรคนในการบริหาร
- มีโอกาสพัฒนาระบบที่เป็นอัตโนมัติทั้งหมด ใช้ทรัพยากรคนน้อยลง
ปั้นเว็บแล้วขาย
หลักการก็ตรงตัว นั่นคือการทำให้เว็บไซต์นั้นติดอันดับการค้นหาจาก Google เป็นที่รู้จัก มีฐานของผู้บริโภค เป็นต้น เมื่อวันหนึ่งที่เราประกาศขายและเว็บไซต์ของเรานั้นมีฐานข้อมูลที่น่าสนใจก็จะทำให้นักลงทุนเกิดความสนใจได้ง่ายขึ้น
ที่มา : palamike
05 มกราคม 2562
เว็บไซต์
website
E-Commerce