23 เมษายน 2567 ครีเอทีฟด้านการสื่อสารทางการตลาดออนไลน์ และการออกแบบเว็บไซต์
จะลงทุนในเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

ในปัจจุบัน มือถือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึงเว็บไซต์มากที่สุดทั่วโลก โดยมีสัดส่วนการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากกว่าเดสก์ท็อป ที่อัตราประมาณ 55% เทียบกับ 43% จากเดสก์ท็อป และ 2% จากแท็บเล็ต

 

นอกจากนี้ สถิติจากการศึกษาพบว่า อุปกรณ์มือถือยังคงมีการใช้งานทั่วโลกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้งานมากกว่า 2 ใน 3 ของประชากรโลก

 

ด้านอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้มากที่สุด มือถือยังคงเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้สำหรับการสื่อสาร การศึกษาต่างๆ ชี้ให้เห็นว่ามีการใช้มือถือในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการใช้งานทางด้านสื่อสารมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

นอกจากนี้ การใช้งานมือถือยังรวมถึงการช็อปปิ้งออนไลน์และการใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าการใช้งานผ่านเดสก์ท็อป

 

เว็บไซต์ธุรกิจคืออะไร

เว็บไซต์คือชุดของหน้าเว็บที่เชื่อมโยงกันซึ่งประกอบด้วยเอกสารและแหล่งข้อมูลต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงได้โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ มักจะมีข้อมูลต่างๆ รวมถึงข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมาย เว็บไซต์เหล่านี้ถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์และสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยใช้ชื่อโดเมนที่เป็นที่รู้จัก เช่น www.example.com

 

เว็บไซต์ธุรกิจเป็นเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการดำเนินงานและวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือผลิตภัณฑ์, ให้บริการลูกค้า, ส่งเสริมการขาย และมีการทำการตลาดออนไลน์ 

 

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือต่างๆ เช่น ฟอร์มติดต่อ, แคตตาล็อกออนไลน์ และระบบการชำระเงิน เพื่อทำให้การทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่น

 

เหตุใดผู้คนจึงควรลงทุนในเว็บไซต์

การลงทุนในเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลนี้เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางทั่วโลก, เพิ่มความน่าเชื่อถือ และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร 

 

การมีเว็บไซต์ธุรกิจในประเทศไทยสามารถสร้างมูลค่าได้มากมายหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านการขยายโอกาสทางธุรกิจและการเข้าถึงตลาดโลกได้ง่ายขึ้น ในยุคดิจิทัลที่ทั้งภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกกำลังฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด-19 

 

การมีเว็บไซต์จะช่วยให้ธุรกิจไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวและลูกค้าจากต่างประเทศได้มากขึ้น ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาหลายล้านคนต่อปี ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของภาคธุรกิจต่างๆ ไม่เพียงแต่การท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่สามารถขายสินค้าหรือบริการให้กับนักท่องเที่ยวได้ด้วย

 

นอกจากนี้ การมีเว็บไซต์ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวเข้ากับเทรนด์ดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตในระยะยาว ตัวอย่างเช่น การเติบโตของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและบริการดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในไทย

 

การลงทุนในเว็บไซต์จึงเป็นโอกาสที่จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการใช้เว็บไซต์เพื่อสร้างแบรนด์และเพิ่มการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการในตลาดโลก

 

สถิติการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของผู้คนในประเทศไทย

ในช่วงต้นปี 2567 การใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีอย่างแพร่หลาย โดยมีสถิติการใช้งานที่น่าสนใจดังนี้:

 

1. Facebook: มีผู้ใช้งานในไทยประมาณ 44.20 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 61.5% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ

2. YouTube: มีผู้ใช้งานในไทยประมาณ 44.20 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 61.5% ของประชากรทั้งหมด

3. Instagram: มีผู้ใช้งานในไทยประมาณ 18.75 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 26.1% ของประชากรทั้งหมด

4. TikTok: มีผู้ใช้งานในไทยประมาณ 44.38 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 75.8% ของผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

 

สถิติเหล่านี้ช่วยยืนยันถึงความสำคัญของการลงทุนในเว็บไซต์และการตลาดดิจิทัลในไทย ซึ่งมีโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่พวกเขาใช้งานอยู่เป็นประจำครับ

 

สร้างเว็บไซต์กับซื้อเว็บไซต์อะไรดีกว่ากัน

การตัดสินใจระหว่างสร้างเว็บไซต์ใหม่หรือซื้อเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้วนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ละตัวเลือกมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน:

 

สร้างเว็บไซต์ใหม่

ข้อดี:

1. การปรับแต่งเต็มรูปแบบ: เรามีอิสระในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจและแบรนด์ของเราโดยไม่มีข้อจำกัดจากโครงสร้างที่มีอยู่ก่อนหน้านี้

 

2. เริ่มต้นใหม่: ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเก่าๆ หรือข้อผิดพลาดทางเทคนิคจากเว็บไซต์ก่อนหน้านี้ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำ SEO หรือประสบการณ์ผู้ใช้งาน

 

ข้อเสีย:

1. ต้องใช้เวลาและทรัพยากร: การสร้างเว็บไซต์ใหม่ต้องใช้เวลาและอาจต้องใช้ทักษะเฉพาะทางหรือต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซื้อเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้วที่มีระบบพร้อมใช้งานได้ทันที

 

ซื้อเว็บไซต์ที่มีอยู่

ข้อดี:

1. การเริ่มต้นดำเนินการทันที: เว็บไซต์ที่มีอยู่มักมีโครงสร้างพื้นฐาน คอนเทนต์ และอาจมีฐานลูกค้าหรือผู้ติดตามอยู่แล้ว ซึ่งสามารถเริ่มใช้งานและทำกำไรได้เร็วกว่าการสร้างใหม่ทั้งหมด

 

2. ความเสี่ยงน้อยกว่า: การซื้อเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพและมี Traffic มาอย่างต่อเนื่องสามารถลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่

 

ข้อเสีย:

1. ต้นทุนสูง: อาจต้องจ่ายราคาสูงสำหรับเว็บไซต์ที่มีผลการดำเนินงานดีและมี Traffic ต้นทุนสูงและอาจต้องดำเนินการปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาที่เว็บไซต์มีอยู่ก่อนการซื้อ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาทางเทคนิคหรือปัญหาเกี่ยวกับ SEO ที่ไม่เห็นได้ชัดเจนในตอนแรก

 

2. การถูกผูกมัดกับโครงสร้างเดิม: อาจมีข้อจำกัดในการปรับเปลี่ยนหรืออัปเกรดเว็บไซต์ให้ตรงกับต้องการของธุรกิจใหม่ หรืออาจมีปัญหาเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เนื้อหาที่มีอยู่

 

ในการตัดสินใจว่าจะสร้างเว็บไซต์ใหม่หรือซื้อเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้วนั้น ควรพิจารณาถึงเป้าหมายของธุรกิจ ทรัพยากรที่มี และเวลาที่สามารถลงทุนได้ 

 

การทำความเข้าใจเหตุผลและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับแต่ละตัวเลือกจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่าตัวเลือกไหนเหมาะสมกับสถานการณ์ของเรามากที่สุด

 

การลงทุนเว็บไซต์เป็นสินทรัพย์ทางเลือกหรือไม่

ใช่! เว็บไซต์สามารถถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกได้ในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเว็บไซต์นั้นสร้างรายได้หรือมีศักยภาพในการเติบโต การลงทุนในเว็บไซต์สามารถให้ผลตอบแทนได้ผ่านหลายช่องทาง เช่น การขายโฆษณา, การสร้างรายได้จากการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์อื่น หรือการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยตรงผ่านเว็บไซต์

 

การลงทุนในเว็บไซต์ยังสามารถเป็นวิธีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเพิ่มสินทรัพย์ที่มีความแตกต่างจากตลาดหุ้นหรือพันธบัตร แต่สิ่งสำคัญคือต้องประเมินความเสี่ยงและความเป็นไปได้ในการทำกำไรของเว็บไซต์ที่เราสนใจ เช่น การวิเคราะห์การจราจรของเว็บ, รายได้ปัจจุบันและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต

 

การมีเว็บไซต์ยังเปิดโอกาสให้เราควบคุมและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ได้โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในตลาดที่มักต้องพึ่งพาการจัดการของบุคคลอื่น และสามารถปรับแต่งหรือขยายเว็บไซต์เพื่อเพิ่มมูลค่าได้ตามเวลาที่ผ่านไป

 

การลงทุนกับเว็บไซต์คุ้มไหม

การลงทุนในเว็บไซต์ในประเทศไทยสามารถคุ้มค่าได้หากมีการวางแผนและบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ด้วยตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็วในไทย และการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ขยายตัวอย่างกว้างขวาง มีโอกาสมากมายสำหรับธุรกิจออนไลน์ที่จะเติบโตและสร้างรายได้จากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยที่เพิ่มขึ้นทุกปี

 

ข้อควรพิจารณาหลักในการลงทุนในเว็บไซต์ คือต้องมีการวิเคราะห์ตลาด คู่แข่ง และกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด เว็บไซต์ที่มีการออกแบบที่ดี การใช้งานที่สะดวก และเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานสามารถดึงดูดลูกค้าและสร้างฐานผู้ติดตามได้อย่างมั่นคง 

 

นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือ SEO และการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราถูกพบเห็นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต

 

รวมถึงเทรนด์ดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนธุรกิจออนไลน์ให้เติบโตและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก การมีเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพและการบริการที่ดีสามารถเป็นสินทรัพย์ทางธุรกิจที่มีค่าและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องได้

 

วิธีลงทุนในเว็บไซต์

การลงทุนในเว็บไซต์ในประเทศไทยสามารถทำได้หลายวิธี ต่อไปนี้คือขั้นตอนและแนวทางที่ควรพิจารณา:

 

1. ซื้อเว็บไซต์ที่มีอยู่: เราสามารถซื้อเว็บไซต์ที่มีการดำเนินการอยู่แล้วผ่านแพลตฟอร์มเช่น Flippa หรือ Empire Flippers ซึ่งเป็นตลาดสำหรับซื้อและขายเว็บไซต์ การซื้อเว็บไซต์ที่มีอยู่จะช่วยให้เราเริ่มต้นได้เร็วกว่าและอาจมีรายได้เข้ามาทันทีจากการจราจรและลูกค้าที่มีอยู่แล้ว

 

2. สร้างเว็บไซต์ใหม่: หากเรามีความคิดเฉพาะทางหรือต้องการสร้างธุรกิจตามแนวคิดของตัวเอง การสร้างเว็บไซต์ใหม่อาจเป็นทางเลือกที่ดี เราสามารถใช้บริการโฮสติ้งเช่น SiteGround หรือ Bluehost และใช้ระบบการจัดการเนื้อหา (CMS) เช่น WordPress สำหรับสร้างและจัดการเว็บไซต์

 

3. ใช้ประโยชน์จาก SEO และการตลาดดิจิทัล: ไม่ว่าเราจะเลือกสร้างหรือซื้อเว็บไซต์ การลงทุนใน SEO (การปรับแต่งเว็บไซต์สำหรับเสิร์ชเอ็นจิน) และกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์และเพิ่มรายได้

 

4. พิจารณาตลาดเฉพาะทาง: การลงทุนในเว็บไซต์สำหรับตลาดเฉพาะทางหรือนิชที่มีความต้องการสูงในไทย เช่น อีคอมเมิร์ซสำหรับสินค้าโลคอล หรือเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่เน้นสถานที่ท่องเที่ยวในไทย อาจเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

 

5. ติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: การลงทุนในเว็บไซต์ต้องมีการติดตามและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การลงทุนในเว็บไซต์ต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าชมและปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้เพื่อปรับปรุงเนื้อหา การนำเสนอ และการตลาดเพื่อให้สามารถดึงดูดผู้ใช้และเพิ่มรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง 

 

เราควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์เช่น Google Analytics เพื่อติดตามและวัดผลการเข้าชมเว็บไซต์และประสิทธิภาพของแคมเปญต่างๆ การลงทุนในเว็บไซต์จึงไม่เพียงแต่ต้องมีการลงทุนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนเวลาและทรัพยากรเพื่อรักษาและพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถแข่งขันในตลาดได้เป็นอย่างดี

 

ตัวอย่างเว็บไซต์

 


 

 

ภาพจาก: ผลงานของ wynnsoftsolution

 



 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก: นักเขียนนิรนาม