เทคโนโลยีที่คนทั่วไปอาจจะเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักกันมาบ้าง ก็คงหนีไม่พ้นเทคโนโลยี AR sinv Augmented Reality นั่นเอง ที่ปัจจุบันนั้นมาพร้อมกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เสริมหลายอย่างรอบตัวเรา ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันให้เราได้มากขึ้น แต่เทคโนโลยีนี้จริงๆ แล้วคืออะไร มีประโยชน์มากแค่ไหน วันนี้ทุกคนจะได้รู้อย่างแน่นอน
ประเภทของ AR หลักๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.Marker-Based จะเป็นเทคโนโลยี AR ที่มาพร้อมกับใบปลิวหรือแผ่นโฆษณาต่างๆ ที่เมื่อเรานำกล้องไปส่องกับใบปลิวหรือแผ่นโฆษณาแล้ว ก็จะมีข้อมูลต่างๆ แสดงออกมา
2.Markerless เป็นรูปแบบที่จะสร้างภาพจำลอง 3 มิติขึ้นมา โดยผู้ใช้งานสามารถลากสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาไปวางไว้ส่วนใดของภาพก็ได้ ซึ่งมักจะนิยมใช้ในลักษณะของการจำลองเฟอร์นิเจอร์ในสถานที่จริง
3.Location-Based เป็นรูปแบบที่จะแสดงผลภาพจำลอง 3 มิติเมื่ออยู่ในพิกัดที่กำหนด เช่น เมื่อเราเปิดอุปกรณ์นำทาง อุปกรณ์จะจับสัญญาณ GPS และแสดงผล AR ออกมาตามจุดที่อยู่
ประโยชน์ของ AR เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในหลากหลายอย่างได้ ตัวอย่างเช่น
1.ใช้ในการเรียนการสอน
เทคโนโลยีนี้จะสามารถช่วยให้การเรียนการสอนมีความตื่นเต้นขึ้น เช่น ใช้กับการเรียนวิชาศิลปะ เพื่อจำลองภาพวาดชื่อดังในอดีตให้นักเรียนอยู่ หรือใช้ในวิชาวิทยาศาสตร์ เพื่อจำลองร่างกายสัตว์หรือมนุษย์ขึ้นมา
2.ใช้กับการออกแบบ
เทคโนโลยี AR สามารถนำมาใช้กับการออกแบบได้ เช่น นำสิ่งที่ออกแบบมาแสดงผลในห้องจริงๆ เพื่อดูความเข้ากันได้ หรือใช้กับการจำลองเฟอร์นิเจอร์ และจัดวางเลย์เอาท์ห้อง
ใช้กับการท่องเที่ยว เทคโนโลยี AR สามารถนำมาใช้กับการท่องเที่ยวได้ เช่น แสดงการนำทางแบบ AR ที่มีความแม่นยำ, แสดงข้อมูลเกี่ยวกับรูปภาพในพิพิธภัณฑ์, แสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ เป็นต้น
3.ใช้เพื่อความบันเทิง
เทคโนโลยีนี้สามารถใช้เพื่อความบันเทิงด้วยเช่นกัน เช่น ใช้จำลองรูปศิลปินเพื่อให้เราได้ถ่ายรูปร่วมกัน, ใช้สำหรับการเล่นเกมเพื่อเพิ่มความสนุก (Pokemon Go, Harry Potter : Hogwarts Mystery) หรือใช้สำหรับการถ่ายภาพด้วยฟิลเตอร์ที่จะจำลองสิ่งต่างๆ ขึ้นบนใบหน้าหรือภาพทิวทัศน์ของเรา (Animoji)
4.ใช้เพื่อข้อมูลทางชีวมาตร
เทคโนโลยีนี้ใช้การจับภาพใบหน้าของเราแบบ 3 มิติ และบันทึกไว้เป็นข้อมูลทางชีวมาตร เพื่อนำมาเป็นรหัสผ่านสำหรับอุปกรณ์ ซึ่งเทคโนโลยีก็ถูกใช้ใน iPhone ที่เรียกว่า Face ID นั่นเอง
การทำงานของ Augmented Reality(AR) นี้ก็จะช่วยให้ให้การใช้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้น เช่น ในการนำทางไปยังสถานที่ต่างๆ หากดูจากแผนที่แบบ 2 มิติ ก็อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ เมื่อนำเทคโนโลยีเออาร์เข้ามาใช้ ก็จะช่วยให้การนำทางนั้นแม่นยำมากขึ้น เพราะเป็นการแสดงผลบนสภาพแวดล้อมจริง ทำให้เราเห็นข้อมูลต่างๆ ได้ละเอียดและชัดเจนมากขึ้นนั่นเอง
ที่มา : asearcher