ทำความรู้จักกับธุรกิจ E-Commerce
ปัจจุบัน E-Commerce ได้เข้ามามีบทบาทต่อผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก โดยทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งการทำ E-Commerce จะช่วยเปิดโอกาสทางการตลาดให้ผู้ประกอบการ และยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเสนอความคิดเห็นหรือความต้องการออกมาได้ว่า ลูกค้าต้องการสินค้าอะไร จะมีการผลิตสินค้านั้นอย่างไร และจะมีการให้บริการ และการจัดส่งอย่างไร แต่ในทางกลับกัน ยังมีบุคคลบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจว่า ระบบ E-Commerce คืออะไร มาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกิจนั้นไม่ได้ระบุว่าระหว่างใครกับใคร และไม่ได้ระบุว่าธุรกรรมนั้นเป็นแบบใด ดังนั้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลนี้ อาจอยู่ในรูปคำสั่งซื้อระหว่างร้านค้าและผู้ผลิตสินค้า ซึ่งการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจก็นับว่า เป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว
ประเภทของ E-Commerce
1. ธุรกิจ กับ ผู้บริโภค (B-to-C = Business-to-Consumer) คือ ผู้บริโภคใช้อินเทอร์เน็ต เป็นตัวกลางในการซื้อสินค้าที่โฆษณาอยู่บนอินเทอร์เน็ตจากธุรกิจ
2. ธุรกิจ กับ ธุรกิจ (B-to-B = Business-to-Business) คือ ธุรกิจกับธุรกิจติดต่อซื้อขายกันผ่านอินเทอร์เน็ต
3. ธุรกิจ กับ รัฐบาล (B-to-G = Business-to-Government) คือ การประกอบธุรกิจระหว่างหน่วยงานเอกชนกับรัฐบาล
4. ผู้บริโภค กับ ผู้บริโภค (C-to-C = Consumer-to-Consumer) คือ การติดต่อซื้อขายสินค้าหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค
5. รัฐบาล กับ ประชาชน (G-to-C = Government-to-Consumer) ในส่วนนี้จะไม่หมายถึงการค้า แต่จะอยู่ในเรื่องของการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิก เช่น การคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต, การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงหน่วยงานรัฐได้อย่างง่ายดาย
ประโยชน์ของ E-Commerce
1. ทำธุรกิจกับลูกค้ากลุ่มเดิมเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว และเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ทั่วถึงมากขึ้น
2. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน
3. ช่วยลดงานเอกสารและค่าใช้จ่ายลง
4. ช่วยทำให้การติดต่อลูกค้าหลังการขายสะดวกรวดเร็วขึ้น